SCC กำไรไตรมาส 2 วูบหนัก 19% เหลือ 8,082 ล้านบาท ปันผลครึ่งปี 2.5 บาท
บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC เปิดเผยผลดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2566 ของบริษัทและบริษัทย่อย โดยมีกำไรสุทธิ 8,082 ล้านบาท ลดลง 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวม 124,631 ล้านบาท ลดลง 18% ปัจจัยมาจากยอดขายที่ปรับลดลงในทุกกลุ่มธุรกิจ เนื่องจากราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ลดลง
โดยหากไม่รวมรายการพิเศษ ไตรมาส 2 กำไรจะอยู่ที่ 5,216 ล้านบาท ลดลง49%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ทั้งนี้ส่งผลให้รวม 6 เดือนแรกของปี 66 มีกำไรสุทธิ 24,608 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% และมีรายได้รวม 253,379 ล้านบาท ลดลง 17%
ด้านธุรกิจธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง มีรายได้เท่ากับ 46,432 ล้านบาท ลดลง 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุจากการรวมธุรกิจ SCGJWD Logistics ในไตรมาสก่อน และสถานการณ์เศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนนอกเหนือจากประเทศไทยที่ถดถอย
ขณะที่ธุรกิจเคมิคอลส์ มีรายได้เท่ากับ 48,755 ล้านบาท ลดลง 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ชะลอตัว และราคาผลิตภัณฑ์ที่ปรับลดลง
ส่วนธุรกิจแพคเกจจิ้ง มีรายได้เท่ากับ 32,216 ล้านบาท ลดลง 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
SCGP ไตรมาส 2 กำไรลด 20% ปันผลครึ่งปี 0.25 บาท/หุ้น
SCC กำไรไตรมาสแรกพุ่ง 86.86% จากรายการพิเศษ แม้รายได้ลด 16%
ด้านคณะกรรมการบริษัท อนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2566 ในอัตรา 2.5 บาทต่อหุ้น กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผลวันที่ 10 ส.ค. 66 (ขึ้นเครื่องหมาย XD 9 ส.ค.) และจ่ายเงินวันที่ 25 ส.ค. 66
ล่าสุดหุ้น SCC ณ วันที่ 27 ก.ค. 66 เปิดตลาดช่วงเช้าราคาอยู่ที่ 318 บาทต่อหุ้น มูลค่าปรับลดลงมาราว 6.9% จากเมื่อเดือน พ.ค. 66 ที่ผ่านมา
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส ระบุว่า SCC ไตรมาส 2 ปี 66 กำไร 8,082 ล้านบาทลดลง 19% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นทั้งวัตถุดิบและพลังงาน รวมถึงเงินปันผลจากธุรกิจลงทุนลดลงจากปีก่อนเกือบ 1,400 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากเงินปันผล TOYOTA ที่ลดลง
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาเป็นรายไตรมาส จะพบว่ามีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของ EBITDA margin (EBITDA หารด้วยรายได้ทั้งหมดของบริษัท) จากจุดต่ำสุดในไตรมาส 4 ปี 65 ที่ 4.9% เพิ่มขึ้นเป็น 9.4% ในไตรมาส 1 และ 11.2% ในไตรมาส 2 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นในทุกธุรกิจหลักง
โดยฝ่ายวิจัย เชื่อว่า แรงกดดันด้านต้นทุนพลังงานที่ลดลงอาจจะส่งผลบวกต่อ EBITDA margin ในธุรกิจซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง และธุรกิจแพ็กเกจจิ้ง
ทั้งนี้ การเตรียมความพร้อมทุกด้านของ SCC ทั้งการขยายกำลังการผลิตรองรับการเติบโตในอนาคต รวมถึงกลยุทธ์ปรับเปลี่ยนธุรกิจไปสู่ความยั่งยืนด้วยการมุ่งเน้นพัฒนาสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูงการเพิ่มสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงทดแทนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกำลังรอเก็บเกี่ยวผลตอบแทนในเวลาที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว โดยมีธุรกิจปิโตรเคมีเป็นธุรกิจหลักที่จะสร้างการเติบโตให้ SCC จากการเตรียมก้าวออกจากช่วงวัฏจักรขาลงในปีนี้
ฝ่ายวิจัยคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ไว้เท่าเดิมที่ 37,344 ล้านบาท ประเมินราคาเหมาะสมภายใต้วิธี DCF ที่ 370 บาท
อ่านรายละเอียดฉบับเต็ม :คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการไตรมาสที่ 2/2566